ประวัติคาราเต้-โด

ศึกษาประวัติความเป็นมา และ พัฒนาการของ คาราเต้-โด

ประมาณศตวรรษที่14 พระโพธิธรรม(ดารูมะ) ผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกายเซน เดินทางจากทางทิศตะวันตก ของประเทศอินเดีย ฝ่าแนวเขาหิมาลัย ข้ามแม่น้ำ ฝ่าความทุกข์ยาก ไปยังประเทศจีน เพื่อเผยแพร่พุทธศาสนา และปีต่อมาได้เดินทาง ไปยังวัดเส้าหลิน(โชริน-จิ) ในจังหวัดฮูนานของจีน เพื่อบรรยายธรรม ท่านได้พบว่ามีสาวกจำนวนมาก ที่ไม่สามารถทนทาน ต่อการฝึกอย่างหนัก ท่านจึงได้กำหนดวิธีเพื่อการพัฒนาจิตใจ และร่างกาย ซึ่งพระโพธิธรรม ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า...

Share

แม้ว่าวิธีการของพระพุทธเจ้าเป็นการอบรมทางด้านจิตใจก็ตาม แต่ร่างกายและจิตใจไม่อาจแยกจากกัน เท่าที่ท่านเป็นอยู่นี้ ข้าพเจ้าคิดว่าท่านยังไม่สามารถฝึกฝนได้อย่างสมบูรณ์เนื่องจาก มีกำลังไม่พอ ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจะให้วิธี ที่ทำให้ท่าน สามารถพัฒนากำลังกาย ให้แข็งแกร่งพอที่จะสามารถฝึกฝน ตามวิธีการของพระพุทธเจ้า”.

วิธีการนี้มีบันทึกอยู่ในพระสูตร และสมารถกล่าวได้ว่า บรรดาพระสงฆ์ของวัดเส้าหลิน เป็นผู้มีกำลังกายและกำลังใจเข้มแข็ง มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ในเวลาต่อมาการสอนด้วยวิธีของพระโพธิธรรม ก็แพร่ขยายไปยังที่ต่างๆและมีชื่อเรียกตามถิ่นกำเนิดว่า โชริน-จิ เคมโป (Shorin-ji Kempo) และได้แพร่ขยายไปยังหมู่เกาะริวกิว (ปัจจุบันเรียกว่าหมู่เกาะโอกินาวา)

จากการบันทึกในอดีต พัฒนาการของคาราเต้-โด เริ่มต้นขึ้น ในช่วงต้นศตวรรษที่ 14 มีการติดต่อค้าขาย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันระหว่าง จีนและหมู่เกาะริวกิว ซึ่งขณะนั้น กังฟู (Kun-Fu) ได้เข้ามาเผยแพร่ และได้พัฒนาการเป็นศิลปะป้องกันตัวของเกาะริวกิวเองมีชื่อเรียกในขณะนั้นหลายอย่าง อาทิเช่น โทเดะ(Toudei), เทะ(Tee), เคมโป(Kempo), โอกินาว่า-เต้(Okinawa te)

ในปี 1429 วีรกษัตริย์ โชฮาชิ ได้รวมอาณาเขตทั้ง 3 แห่งของหมู่เกาะริวกิว และตั้งขึ้นเป็น สหราชอาณาจักร (Ryukyu Kingdom) มีการติดต่อค้าขายกับจีน มีความมั่งคั่งเป็นอย่างมาก และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงดินแดนในส่วนนี้ หลังจากนั้น ประมาณ 200ปีต่อมา การสิ้นสุดของสงครามเซกิงาฮาระ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 1600 จบลงด้วยชัยชนะเด็ดขาดของโตกุงาวะ อิเอยาสึ จักรพรรดิทรงแต่งตั้งเป็นโชกุน ในปี 1603 (ถึงแก่กรรม 1616)

ในสมัยตระกูลโตกุงาวะ เป็นโชกุน ราวปี 1609 (ตามปฎิทินของญี่ปุ่นเป็นปีที่ 14 ของไกโช) ไดมียว ชิมาสึ ตระกูลซัทซูมา ได้ยึดหมู่เกาะริวกิวเป็นเมืองขึ้น และมีนโยบายห้ามประชาชนมีอาวุธอยู่ในครอบครอง จึงสันนิษฐานได้ว่า การพัฒนาของคาราเต้ เป็นการต่อสู้ป้องกันตัวเอง โดยไม่ใช้อาวุธ เป็นผลของแรงกดดันจากการห้ามใช้อาวุธเป็นทวีคูณ และกล่าวได้ว่า คาราเต้เกิดจาก การผสมผสานระหว่างท่วงท่าป้องกันตัว เสมือนหนึ่งใช้อาวุธ การได้รับอิทธิพลจาก สำนักดาบ ของตระกูลซัทซูมา (สายจิเก็นริ,Jigen-ryu) ที่มีการฝึกฝนเพลงดาบ โดย่เน้นการเอาชนะคู่ต่อสู้ให้ได้ โดยการฟันในดาบเดียว ซึ่งคาราเต้ ได้นำหลักการดังกล่าวมาใช้ ในการฝึกฝน เพื่อให้สามารถล้มคู่ต่อสู้ ภายในหนึ่งเทคนิคและได้พัฒนามาเป็นคาราเต้-โดในปัจจุบัน

ในปี 1922 คาราเต้ได้ถูกสาธิตขึ้นเป็นครั้งแรกในงานแสดงศิลปะป้องกันตัวของประเทศญี่ปุ่น ณ.กรุงโตเกียว โดยปรมาจารย์ กิอิชิน ฟุนาโกชิ ( Master Gichin Funakoshi ) และได้รับการสนใจเป็นอย่างมาก คาราเต้ได้เผยแพร่ไปยังที่ต่างๆอย่างรวดเร็ว มีการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา ได้จัดตั้งเป็นชมรมในมหาวิทยาลัยเคโอเป็นแห่งแรก และอีกหลายมหาวิทยาลัยในเวลาต่อมา ปัจจุบันคาราเต้ได้เผยแพร่ไปทุกมุมโลก ได้มีการจัดตั้งสมาคมคาราเต้แห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Karate Association,J.K.A.) ในเดือนพฤษภาคม ปี 1948 โดย บรรดาลูกศิษย์ของปรมาจารย์กิอิชิน ฟุนาโกชิ (สำนักโชโตกัน,Shotokan) มีการจัดกฎระเบียบต่างๆรวมทั้งรูปแบบการฝึกพื้นฐาน (Kihon), ท่ารำ (Kata), การต่อสู้ (Kumite)และกฎระเบียบในการแข่งขัน

ในเดือนตุลาคม ปี 1957 J.K.A. ได้จัดการแข่งขันคาราเต้ขึ้นเป็นครั้งแรก ณ.กรุงโตเกียว(โดย Master Masatoshi Nakayama ) มีประเภทการแข่งขัน ทั้งแบบต่อสู้ (Kumite) และแบบท่ารำ (Kata) การตัดสินใช้กฎของ J.K.A ซึ่งในปัจจุบันรูปแบบการตัดสิน มีการเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก มีการตั้งกฎระเบียบขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับภาวะปัจจุบัน (WKF, AKF, ISKF, J.K.A., JKF, etc.) แต่ยังคงใช้พื้นฐานการตัดสินตามแบบอย่างของ J.K.A.

Ref : เอกสารเผยแพร่ศิลปะป้องกันตัวคาราเต้-โด แห่งประเทศญี่ปุ่น (โชโตกัน)

 
Presets
BG Color
BG Patterns
Accent Color
Apply